จังหวัดปัตตานีปะทะเดือด วิสามัญผู้ร้ายชิงทรัพย์รถยนต์ กระหน่ำด่านตรวจ เจอมีประวัติเป็นแถวร่วมRKK
จังหวัดปัตตานี-ปะทะเดือด วิสามัญฆาตกรชิงทรัพย์รถยนต์ ยิงกระหน่ำด่านตรวจ ย้อนประวัติความเป็นมาเจอ เป็นผู้กองกลุ่ม RKK คนสำคัญ
จากเหตุยิงปะทะขณะข้าราชการตั้งจุดตรวจรอบๆ มัธยม5 ตำบลปากู อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี ทำให้ผู้ร้ายเสียชีวิต 1 ราย รู้ชื่อ นายสมันดี สะนิ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/4 มัธยม4 ตำบลปากู อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานีถูกลูกปืนของข้าราชการจากการเผชิญหน้าเข้ารอบๆลำตัวหลายนัดหมาย นอกนั้นยังเจออาวุธ ขนาด 9 มิลลิเมตรตกอยู่รอบๆมือข้างขวารวมทั้งกระเป๋าสนาม 1 ใบด้านในใส่เสื้อผ้า เปลนอนและก็วัสดุอุปกรณ์สนาม แล้วก็ยังเจอปลอกลูกกระสุนของฆาตกร กว่า 10 ปลอก ข้าราชการได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบปากคำตอนเกิดเหตุรู้ดีว่า ตอนที่ สท.ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แก้วทิ หัวหน้าชุด นำกำลังร่วม 7 นายได้เดินเที่ยวตรวจทางเพื่อดูแลความปลอดภัยในเขตพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ปรากฏว่า ได้รับแจ้งจากหน่วยความยั่งยืนมั่นคงว่า พื้นที่ จังหวัดยะลา มีการชิงทรัพย์รถปิคอัพ แล้วก็บางทีก็อาจจะแอบหนีตามทางดังที่กล่าวมาแล้ว เพราะเป็นหลักที่รอยต่อกับ จังหวัดยะลา ข้าราชการก็เลยได้มีการตั้งจุดตรวจชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อสกัดรถยนต์ถูกสงสัยดังที่ได้รับแจ้ง
ก็เลยกระจัดกระจายกำลังตามจุด ปรากฎว่า ได้มีผู้ร้ายขับขี่รถกระบะแบรนด์โตโยต้า วีโก้ตอนครึ่งสีดำไม่ขึ้นป้ายทะเบียนขับมาและก็มองเห็นจุดตรวจ ฆาตกร ก็เลยพากเพียรที่จะเลี้ยวรถยนต์กลับ สำนักงานอัยการสูงสุดทพ.โชค กราบูณย์ ซึ่งอยู่รอบๆดังที่ได้กล่าวมาแล้วได้เรียกให้หยุด ปรากฏว่า ฆาตกรที่อยู่ด้านหลังกระบะ 1 คน รวมทั้งผู้ร้ายที่นั่งใกล้ผู้ขับทั้งคู่ได้ลงจากรถยนต์ก่อนชักอาวุธปืนระดมยิงใส่ สำนักงานอัยการสูงสุดทพ.โชค แล้วก็บากบั่นวิ่งหลบซ่อนเข้าไปในป่า สำนักงานอัยการสูงสุดทพ.โชค ก็เลยใช้อาวุธปืนประจำกายยิงโต้ตอบผู้ร้าย
ระหว่างนั้น สำนักงานอัยการสูงสุดทพ.ยงยุทธ แก้วมณี ซึ่งอยู่ใกล้ก็ได้วิ่งมาช่วยก่อนการยิงปะทะกันเสียงดังดังสนั่นหวั่นไหว อยู่นาน5 นาที ข้าราชการที่เหลือเข้ายิงไล่สมทบ กระทั่งสุดท้ายยิงฆาตกรได้ สุดท้าย เข้าวิเคราะห์ว่า เป็น นายสมันดี สะนิ ถูกวิสามัญเสียชีวิต ส่วนฆาตกรอีกราย คาดว่า น่าจะเป็น นายมาหามะ สะอิ ได้วิ่งหลบซ่อนเข้าไปในป่าหายไปได้ ข้าราชการได้สนธิกำลังไล่ล่า แล้วก็เข้ากระทำล้อมพื้นที่ในรัศมี 500 เมตร เฝ้าระวังทั้งคืน แต่ว่ายังไม่เจอตัว
สำหรับ นายสมันดี สะนิ จากการพิจารณาเรื่องราวพบว่า เป็นแกนนำกรุ๊ปก่อความปั่นป่วนระดับทำการณ์แล้วก็มีหมายจับคดีมั่นคง ปริมาณ 5 หมาย ซึ่งเป็นที่เรียกร้องตัวมานาน เป็นผู้ร้ายระดับผู้กองกลุ่ม RKK
มีหมายจับมี ก่อเหตุลอบวางระเบิดข้าราชการ อำเภอทุ่งยางแดง เมื่อปี 2551 ก่อเหตุร่วมปล้นจี้แบงค์เกษตรกร อำเภอมายอ เมื่อปี 2556 ก่อเหตุยิงประชาชนหาของป่า อำเภอทุ่งยาแดง ปี 2557 ก่อเหตุซุ่มยิงราษฎรเสียชีวิต เมื่อปี 2560 แล้วก็เหตุปะทะ ที่ ต.มะยังหยง อำเภอทุ่งยางแดง ปี 62
พล.ตำบลท.รณศิลป ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 เผยข้างหลังวิเคราะห์จุดเกิดเหตุว่า เมื่อเวลาค่ำก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุฆาตกร 7-8 หญิงรับใช้รถปิคอัพเป็นยานพาหนะชิงทรัพย์รถปิคอัพของราษฎรในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ก็เลยแจ้งให้ทุกพื้นที่สกัดจับ ส่วนในพื้นที่ จังหวัดปัตตานี รอบๆจุดเกิดเหตุก็ได้มีการตั้งจุดสกัดปรากกว่ามีผู้ร้าย 3 คนรับใช้รถปิคอัพเป็นยานพาหนะขับมาตามทางดังที่กล่าวถึงมาแล้ว เมื่อเหตุข้าราชการก็เลยบากบั่นที่จะเลี้ยงรถยนต์กลับ แต่ว่าถูกข้าราชการเรียกให้หยุดเพื่อตรวจ ปรากฏว่ามีฆาตกร 2 คนลงจากรถยนต์แล้วก็ใช้อาวุธปืนยิงใส่ข้าราชการก่อนที่จะวิ่งแอบหนีเข้าไปในป่าข้างหลังบ้านของพสกนิกร ข้าราชการก็เลยใช้อาวุธปืนยิงโต้กลับจนกระทั่งมีการปะทะกันขึ้นส่งผลให้ฆาตกรถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งเครือญาติได้มามองศพก็รับรองว่าเป็นศพ นายสมันดี สะนิ ซึ่งเป็นผู้จำต้องคนสำคัญ
ส่วนเหตุชิงทรัพย์รถยนต์จาก จังหวัดยะลานั้น จากการสืบสวนผู้เสียหายรู้เรื่องว่า น่าจะเป็นเหตุทวงหนี้ ส่วนหลังจากมีการวิสามัญฆาตกรทุกหนผู้ร้ายก็มีความบากบั่นที่จะโต้กลับ ตนได้สั่งย้ำให้ข้าราชการเพิ่มความเข้มดูแลความปลอดภัยทุกพื้นที่ รวมทั้งให้แจ้งกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอให้มีการปกป้องตนเอง ส่วนเหตุเผายางรถยนต์ก่อนที่จะมีการเกิดระเบิดขึ้น ทำให้ข้าราชการได้รับบาดเจ็บหลายนายนั้น พื้นฐานรู้ดีว่า เป็นกรุ๊ปเดียวกันที่ก่อเหตุชิงทรัพย์รถปิคอัพก่อนที่จะซุกระเบิดหวังคาร์บอมในพื้นที่ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา แม้กระนั้นโชคดีที่กู้ไว้ได้ทัน ภายหลังจากนี้จะเก็บรวบรวมหลักฐานอีกทีเพื่อตามจับที่เหลือให้ได้